ความหมายของคอมพิวเตอร์
คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้โดยอัตโนมัติตามโปรแกรมที่มนุษย์ป้อนคำสั่ง ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์ยังสามารถรับข้อมูลที่ป้อนเข้าไป พร้อมชุดคำสั่งและนำไปประมวลผลออกมาเป็นสารสนเทศตามที่ต้องการ
ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งในที่นี้จะแบ่งประเภทคอมพิวเตอร์ตามขนาด ดังนั้น คอมพิวเตอร์แต่ละขนาดจะมีระดับความสามารถที่แตกต่างกัน ซึ่งพิจารณาจากปริมาณข้อมูล ลักษณะงาน ความเหมาะสม แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูงที่สุด เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถประมวลผลข้อมูลในปริมาณมากได้ รวมทั้งการประมวลผลที่มีความซับซ้อน หน่วยวัดความเร็วเป็น Gigaflop
2.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ สามารถประมวลคำสั่งได้นับร้อยล้านครั้งในหนึ่งวินาที
ใช้ในงานด้าน ธนาคาร ธุรกิจการบิน บริษัท และมหาวิทยาลัยต่างๆ สามารถเชื่อมโยงกับเครื่องปลายทาง (Terminal) ได้จำนวนมาก
3.มินิคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดกลางที่เหมาะสมกับธุรกิจขนาดกลาง เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล หรือธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ
4.เวิร์กสเตชั่น
เป็นเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง แต่มีความสามารถสูงกว่า นิยมนำมาใช้ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการออกแบบกราฟฟิกแอนิเมชั่น
5.ไมโครคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง เคลื่อนย้ายง่าย และมีราคาถูก มีการใช้งานจำนวนมากที่สุด นำมาประยุกต์ใช้งานได้หลายด้าน และยังสามารถเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์จึงประกอบด้วยองคประกอบสำคัญ 4 ส่วนด้วยกัน คิอ
1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
2.ซอฟต์แวร์ (Software)
3.บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (Peopleware)
4.ข้อมูล (Data)
ฮาร์ดแวร์
คือชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ที่สามารถแตะต้องได้ด้วยมือ ประกอบด้วย
-ซีพียู เปรียบเสมือนสมองมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานทั้งระบบ ประกอบด้วยหน่วยคำนวณตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU) และหน่วยควบคุม (Control Unit)
-หน่วยความจำหลัก ป็นที่ที่ใช้จัดเก็บข้อมูลและชุดคำสั่ง มี 2 ชนิดคือ หน่วยความจำแรม (RAM) และหน่วยความจำรอม (ROM) แรมจะทำงานได้ต่อเมื่อมีกระแสไฟเลี้ยง และข้อมูลจะสูญหายทันทีเมื่อปิดเครื่อง ในขณะที่รอมแม้ไม่มีกระแสไฟฟ้า ข้อมูลก็ยังอยู่ภายใน
-หน่วยรับข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ป้อนคำสั่งหรือข้อมูลเข้าไปให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล เช่น เมาส์ คีบอร์ด ไมโครโพน สแกนเนอร์
-หน่วยแสดงผลข้อมูล ผลลัพธ์จากการประมวลผลจะถูกนำมาแสดงบนหน่วยแสดงผล เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ ลำโพง
-หน่วยจัดเก็บข้อมูล หน่วยจัดเก็บข้อมูลสำรอง มีไว้เพื่อสำหรับจัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ ไว้อย่างถาวร ครั้นเมื่อต้องการเรียกใช้ก็สามารถดึงข้อมูลออกมาใช้งานได้ เช่น ดิสเกตต์ ซีดีรอม ฮาร์ดดิสก์ แฟลชไดรฟ์
ซอฟต์แวร์
คือชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และยังใช้เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์ระบบ
ทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย
-โปรแกรมระบบปฏิบัติการ คือ โปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ รวมถึงจัดสรรทรัพยากรให้กับระบบ เช่น DOS, MS Windows, Linux, Mac OS
-โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์ คือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาระดับสูง ให้มาเป็นภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์รู้จัก
-โปรแกรมอรรถประโยชน์ เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในด้านการจัดการต่างๆ เช่น โปรแกรมสำรองข้อมูล โปรแกรมตรวจสอบดีสก์ โปรแกรมจัดเรียงข้อมูล
ซอฟต์แวร์ประยุกต์
คือโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงเพื่อนำมาใช้งานด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมระบบงานทะเบียน หรือ MS Office เป็นต้น
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
1.นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) ทำหน้าที่วิเคราะห์ระบบงาน รวบรวมข้อเท็จจริงและปัญหาต่างๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ เพื่อออกแบบระบบงาน
2.โปรแกรมเมอร์ (Programmer) ทำหน้าที่เขียนโปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบบไว้
3.ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA) ทำหน้าที่ดูแลระบบฐานข้อมูล กำหนดนโยบายการใช้ฐานข้อมูลภายในองค์กร กำหนดสิทธิ และสำรองข้อมูล
4.ผู้ใช้ (User) บุคคลในระดับปฏิบัติงาน ทำหน้าที่โต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรมที่โปรแกรมเมอร์เขียนขึ้น
ข้อมูล
ข้อมูลคือข้อมูลดิบต่างๆ ที่บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปประมวลผลเพื่อแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบรายงาน หรือสารสนเทศ
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
1.ความเร็ว ประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว2.ความน่าเชื่อถือ มีความผิดพลาดต่ำ
3.ความเที่ยงตรงและแม่นยำ คำนวณผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
4.จัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมาก
5.ความสามารถในการสื่อสารและเครือข่าย
ความหมายของระบบปฏฺิบัติการ (Operating System)
คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถปฏิบัติหรือโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการยุคที่ 1ช่วงปี ค.ศ.1950 ไม่มีระบบปฏิบัติการไว้ใช้งาน ป้อนคำสั่งที่เป็นภาษาเครื่องด้วยตนเอง
ระบบปฏิบัติการยุคที่ 2
ช่วงต้นปี ค.ศ.1960 ที่รองรับ การประมวลผลแบบกลุ่ม (Batch Processing) โดยการประมวลผลแบบกลุ่ม
ระบบปฏิบัติการยุคที่ 3
ช่วงกลางปี ค.ศ.1960 ถึงกลางปี ค.ศ.1970 สามารถรองรับการทำงานแบบ มัตติโปรแกรมมิ่ง (Multiprogramming) โดยผู้ใช้งานหลายๆ คนสามารถใช้งานเครื่องเดียวกันได้พร้อมกัน และยังมี ระบบเรียลไทม์ (Real Time) เป็นระบบที่สามารถตอบสนองแบบทันทีทันใดเมื่อมีการรับอินพุตเข้าไป
ระบบปฏิบัติการยุคที่ 4
อยู่ช่วงกลางปี ค.ศ.1970 ถึงปัจจุบัน มีพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ใช้งานบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น MS-DOS และในปี ค.ศ.1990 มีระบบปฏิบัติการ Windows 3.0 รองรับการใช้งานแบบมัตติทาสกิ้ง (Multitasking) และได้พัฒนาต่อมาเป็น Windows 3.11, Windows 95, Windows 98, Windows 2000, Windows ME, Windows XP, Windows Vista, Windows 7, Windows 8
หน้าที่ของระบบปฏิบัติการ
1.การติดต่อกับผู้ใช้ โดยรับการสั่งงานผ่านคีบอร์ดและเมาส์ ที่มีอินเตอร์เฟซแบบ GUI (Graphics User Interface) ที่ผู้ใช้สามารถใช้เมาส์คลิกที่ไอคอนต่างๆ เพื่อสั่งการทำงาน2.การควบคุมดูแลอุปกรณ์ โดยใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ โดยผ่าน System Call
3.การจัดสรรทรัพยากร รองรับภาระหน้าที่ในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเหล่านี้ให้กับโปรแกรมต่างๆ ที่มีการร้องขอให้เป็นไปอย่างยุติธรรม และมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
ไม่อนุญาตให้มีความคิดเห็นใหม่